kandy เมืองสุดอินดี้ในศรีลังกา
แล้วเราก็เดินทางมาถึงชานชาลา Kanday เมื่อรถไฟขบวนของเราเดินทางของเรามาถึงเราก็รีบกุลีกุจอออกจากสถานี ด้านนอกสถานีแน่นไปด้วยผู้คน และนักท่องเที่ยว เราออกจากสถานีรถไฟไปปุ๊บ ก็จะพบเจอกับขบวนรถตุ๊กตุ๊ก เยอะมาก ยังไม่รวมรถแท็กซี่ และรถเมล์จอดเรียงรายอีกมากมาย จากนั้นเราก็เดินออกจากสถานีรถไฟไปยังถนนหลัก เพื่อดูทิศทาง และแผนที่โรงแรมที่เราจองไว้ เมื่อเห็นที่ตั้งโรงแรมและสภาพการจราจรติดแบบนี้แล้วเราก็เลือกที่จะใช้บริการตุ๊กตุ๊กไปโรงแรมทันที
ระหว่างทาง เราก็ได้เห็นบรรยากาศเมือง kandy ไปด้วย ไม่ถึงสิบนาทีเราก็ถึงโรงแรม ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองเลย สะดวกสบายมาก ใกล้ร้านค้า ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ เพียงแค่เดินออกจากโรงแรมเท่านั้น
kandy เป็นเมืองหลวงเก่าของศรีลังกา มีขนาดพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจากกรุงโคลอมโบ เป็นเมืองเก่าแก่มีประวัติยาวนานมาก โดยเมืองศรีลังกาครองโดยกษัตริย์ตั้งแต่พุทธศักราชที่ 1 ภายหลังพระพุทธเจ้าปรินิพพานต่อเนื่องยาวนานนับได้ 2300 กว่าปี มีกษัตริย์ทั้งสิ้น 173 พระองค์ จนถึงในรัชสมัยพระเจ้าศิริวิกรมราชสีหะ กษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์แคนดี ตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ถูกประเทศมหาอำนาจทางทะเลเข้ามายึดครองคือโปรตุเกส และฮอลันดา รวมแล้วเกือบ 500 ปี จนได้รับเอกราชเมื่อสิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 249 มีวัดวาอารามที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงมาก แน่นอนเราไม่พลาดที่จะเข้าไปชมวัดเก่าแก่ในเมือง kandy หนึ่งในนั้นคือ วัดเขี้ยวแก้ว นั่นเอง
เมืองนี้ตั้งอยู่เนินเขา วิวทิวทัศน์บางสถานที่อย่างกับอยู่อิตาลี ตึกรางต่าง ๆ ตั้งเรียงรายตามแนวเขาสวยมาก เราเดินทางมาถึงช่วงเย็นพอดีกับการทานอาหารมื้อค่ำ เมื่อเช็คอินแล้ว เราก็ออกเดินทางสำรวจเมือง มองหาร้านอาหารและแน่นอนว่าต้องเป็นร้านอาหารพื้นเมืองศรีลังกา ระหว่างทางเดินมีร้านอาหาร ผับ บาร์ ที่ทันสมัยมากมายหลายที่รวมทั้งห้างสรรถสินค้าเล็ก ๆ เป็นอาคารสูงสามชัน ชั้นบนสุดให้บริการบาร์ มีลูกค้าคับคั่ง แน่นแทบทุกร้านเลย
บรรยากาศเหมือนในเมืองใหญ่ ส่วนใหญ่ลูกค้าเป็นวัยทำงาน วัยรุ่น และนักท่องเที่ยวต่างชาติ เมื่อเห็นอย่างนั้นแล้วเราก็เลือกร้านอาหารแห่งหนึ่ง ร้านติดถนนหลัก เปิดให้บริการอยู่ชั้นสอง เราเลือกที่นี่เนื่องจากต้องการเห็นวิวจากด้านบนของร้านอาหาร เมื่อเดินเข้ามาด้านใน เราเลือกโต๊ะติดริมถนน เพื่อจะได้เห็นวิวร้านรวงต่าง ๆ จากฝั่งตรงข้ามด้วย ลูกค้าร้านนี้เยอะมาก เนื่องจากไม่มีโต๊ะว่างเลย วิวสวย บรรยากาศดี สำหรับมื้อค่ำนี้ เรายังคงเลือกทานโรตีกับแกงเขียวหวานเหมือนเดิม และตามด้วยเมนูเอเชียอีกสองสามเมนู อาหารรสชาติดีมาก แต่ราคาก็ถือว่าไม่ถูกแต่ก็ไม่แพงมาก เป็นธรรมดาของแหล่งท่องเที่ยว จากนั้นก็ได้เวลาเดินย่อย
เราเดินสำรวจไปตามทางเดินเลียบถนนสายต่าง ๆ ซึ่งไม่ไกลจากโรงแรม ตรงข้ามถนนหลักของโรงแรมมีแม่น้ำขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง เป็นแม่น้ำใจกลางเมือง คุณสามารถเดินเท้า ปั่นจักรยานไปในแนวเดียวกับแม่น้ำได้เลย เมื่อเดินสำรวจเมืองกันจนพอใจแล้ว เราก็กลับเข้าโรงแรมที่พักเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้ เราจะเดินทางไปยังวัดพระเขี้ยวแก้ว และวัดอื่น ๆ ด้วย
เช้าวันรุ่งขึ้น ทานอาหารเช้าที่โรงแรมเสร็จ เราก็รีบออกเดินทางอีกครั้ง อยากจะเห็นบรรยากาศยามเช้าของเมืองนี้แล้ว เราเดินลัดเลาะไปตามเส้นทาง GPS ระหว่างทางที่เดิน เราได้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรขี่ม้าด้วย เดินต่ออีกไม่ถึงห้านาทีเราก็ถึงจุดหมายของเรา นั่นก็คือ วัดพระเขี้ยวแก้ว
วัดศรีทัลฒามัลลิกาววิหาร (Sri Dalada Maligawa) หรือวัดพระเขี้ยวแก้ว เป็นวัดที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วเบื้องต่ำขวาของพระพุทธเจ้า และมีส่วนให้เมืองแคนดี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกของยูเนสโก วัดพระเขี้ยวแก้ว สร้างโดยพระเจ้าวิมลธรรมสุริยะที่ 1 พระมหากษัตริย์ในราชวงศ์สุดท้ายของประเทศศรีลังกา ในปี ค.ศ. 1595 โดยตัววัดตั้งอยู่ในพื้นที่ ๆ เคยเป็นส่วนหนึ่งของพระราชวังโบราณ เนื่องจากความเชื่อของชาวสิงหลที่เชื่อว่าผู้ที่รักษาพระเขี้ยวแก้วไว้ย่อมถือว่ามีสิทธิชอบธรรมในการเป็นปกครองอาณาจักรมาแต่โบราณ ค่าเข้าชมสำหรับต่างชาติ 1500 LKR (รูปีศรีลังกา) แต่สำหรับคนไทยซึ่งอยู่ในกลุ่มประเทศ SAARC ได้รับส่วนลดจ่ายค่าเข้า 1000 LKR ข้อมูลจาก https://lunartravelworld.com/
ภาพ : ทางเข้าวัดพระเขี้ยวแก้ว
ก่อนเข้าวัดเราต้องเดินไปถอดรองเท้าตามจุดที่ให้บริการฝากรองเท้าก่อน ทางวัดไม่อนุญาตให้ใส่รองเท้าภายในวัด จากนั้นเดินเท้าเปล่าเข้าวัด หน้าวัดมีเจ้าหน้าที่ที่คอยให้บริการนักท่องเที่ยวแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีขาวผู้ชายสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว นุ่งโสร่งยาว เมื่อเห็นว่าเราเป็นนักท่องเที่ยว จึงมีบริการไกด์นำเที่ยวด้วยโดยเราจ่ายเงินเพิ่มเมื่อไกด์ให้บริการนำเที่ยวเราเสร็จเรียบร้อยแล้ว ว่าแล้วเราก็เข้าไปชมภายใน วันนี้มีประกอบพิธีกรรมสำคัญด้วย ผู้คนจึงเยอะมากกว่าปกติ เยอะมากจนเดินเบียดเสียดกันอย่างกับงานวัด ระหว่างที่รอ เราเดินชมความงามของวัด สวยมาก เก่าแก่ โบราณ สร้างได้อย่างสวย โครงสร้างวัดเป็นไม้ โบสถ์ประดับประดาด้วยทองคำสวยงามสมคำล่ำลือ พระเขี้ยวแก้วประดิษฐานอยู่ด้านบนชั้น 2
พระเขี้ยวแก้วประดิษฐานอยู่ภายในประตูสีทอง มีงานช้าขนาดใหญ่ประดับอยู่ทั้งสองข้างของประตูชาวศรีลังกาทั้งชายหญิงคนหนุ่มสาวสูงอายุทุกเพศทุกวัยนำข้าวสาร อาหาร ผลไม้มาถวาย และดอกไม้สีสันสวยงามมาถวายเพื่อเป็นศิริมงคลกับตัวเอง ยิ่งใกล้ถึงเวลาพิธีการสำคัญ ผู้คนยิ่งแน่นเข้าไปทุกที พิธีการวันนี้คือ การเปิดให้ได้ชมบารมีของพระเขี้ยวแก้ว
เมื่อถึงเวลาเปิดให้เคารพสักกาะบูชาพระเขี้ยวแก้ว ผู้คนมาจากไหนก็ไม่รู้เบียดเสียดแทบเป็นปลากระป๋องเลย ฉันต้องเบียดแหวกว่ายเข้าไปในฝูงคนเพื่อที่จะได้เคารพสักการะพระเขี้ยวแก้ว มาไกลขนาดนี้แล้วฉันต้องได้เห็นล่ะ ! ฉันยังเดินเบียดผู้คนขึ้นบันไดไปที่ชั้น 2 จนกระทั่งถึงบริเวณดังกล่าว เจ้าหน้าที่แต่งชุดพื้นเมือง มีการเป่าสังข์เป็นระยะ ๆ และการสวดมนต์ของพระสงฆ์ก็เริ่มขึ้นด้วย ยิ่งทำให้พิธีดูขลังและศักดิ์สิทธิ์มากยิ่งขึ้น ทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างพนมมือแสดงถึงความเคารพต่อพระเขี้ยวแก้วด้วย จากนั้นไม่นานเจ้าหน้าที่ก็เปิดประตู ฉันเขย่งเท้ามองเพื่อมองเข้าไปด้านในแต่ก็สู้กำแพงคนที่ยืนเรียงรายรอต่อคิวไม่ได้ เจ้าหน้าที่จัดคิวให้กับผู้ที่ต้องการเข้าชม ฉันก็ยืนต่อคิวด้วยเพื่อจะได้เห็นใกล้ ๆ เมื่อถึงคิวของฉัน ฉันเห็นกล่องสีคล้ายมีลักษณะโกศสีทอง ในนั้นบรรจุพระเขี้ยวแก้วไว้ ถือว่าเป็นบุญกุศลอย่างยิ่งสำหรับพุธศาสนิกชอย่างฉันที่ได้มีโอกาสได้เข้าไปเคารพสักกาะพระเขี้ยวแก้วในครั้งนั้น จากนั้นเราก็เดินชมความงามของวัด จนเห็นว่าสมควรแก่เวลาแล้ว จึงออกจากวัดและดูว่าจะไปจุดไหนต่อดี
เมื่อลงจากวัดพระเขี้ยวแก้วแล้ว เราสังเกตุเห็นบริเวณด้านหลังก็มีวัดขนาดเล็กสองสามวัด เมื่อไปถึงจึงรู้ว่านี้เป็นวัดฮินดู ฉันได้เข้าร่วมเคารพสักกาะและถวายผลไม้ในและทำพิธีสวดมนต์ รับพรในวัดฮินดูนี้ด้วย
จากนั้นเราก็ไม่พลาดที่จะไปชมอีกสถานที่แห่งหนึ่งที่เป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวมาก นั่นคือ ไร่ชาบนเขา เมือง Kandy เป็นอีกเมืองที่มีภูเขาเรียงรายคนพื้นเมืองบางส่วนมีรายได้จากการปลูกชา และการต้อนรับนักท่องเที่ยวบนไร่ชาของพวกเขาด้วย การเดินทางจากวัดไปไร่ชาใช้เวลานานพอสมควรเฉพาะการเดินทางไปก็เกือบสี่สิบนาที เราใช้บริการรถด่วนประจำมเมืองก็คือตุ๊กตุ๊กนั่นเอง หากไปแท็กซี่คงไม่ทันกับเวลารถไฟขากลับ Colomb แน่ ๆ นาทีนี้ตุ๊กตุ๊กเท่านั้นที่จะช่วยให้เราไปถึงที่หมายได้เร็วที่สุด ว่าแล้วพี่ตุ๊กตุ๊กก็พาเราซิ่งไปถึงไร่ชาซึ่งอยู่ไกลพอสมควร
เมื่อชมไร่ชาเสร็จแล้ว ร่างกายฉันเริ่มไม่ไหวรู้สึกเหนื่อยมาก แต่ก็ไม่วายที่อยากจะแวะตลาดอยู่ติดกับสถานีรถไฟ ตลาดขนาดใหญ่เป็นอาคารสองชั้น แต่ก่อนน่าจะเป็นที่ทำการอะไรสักอย่าง แต่ตอนนี้ถูกดัดแปลงเป็นตลาด มีของทุกอย่าง ทั้งของฝากด้วย และฉันก็ได้รองของที่ระลึกจากที่นี่ด้วยการซื้อรองเท้าหนังสไตล์ศรีลังกาอินเดีย เป็นรองเท้าหนังแบบคีบเปลือยเท้าและรัดส้น สวยน่ารักมาก และซื้อเครื่องเทศบางอย่างกลับไปเพื่อลองทำอาหารสไตล์ศรีลังกาทานบ้าง
แล้วเราก็หมดเวลากับเมืองแคนดี้ เวลาน้อยไปสำหรับหนึ่งคืนที่นี่ หากใครมีโอกาสมาเยือนอย่างน้อยต้องพักสักสองคืนถึงจะได้เที่ยวได้รอบเมือง ขากลับเมื่อถึงที่นั่งรถไฟร่างกายโดนแอร์เย็น ๆ ทันใดฉันก็หลับ ตื่นอีกทีก็ใกล้ถึง Colombo แล้ว ฝากเอาไว้แค่เพียงความคิดถึง ครั้งหนึ่งฉันเคยมาเยือนเมืองลูกกวาดแห่งนี้ เป็นลูกวาดที่ได้โด่งดังมีชื่อเสียงมาก แต่พอลองชิมแล้วก็ไม่ผิดหวัง Kandy เม็ดนี้มีครบทุกรสชาติจริง ๆ
ภาพและเนื้อหา โดย แอดมินวานด้า