สอบใบขับขี่

สอบใบขับขี่

หลังจากที่ฉันได้เรียนขับรถและมีความมั่นใจจนกล้าที่จะสอบแล้วนั้น วันนี้เป็นวันสอบจริงตื่นเต้นสุด ๆ เวลานัดสอบคือ 8.30 น. ฉันเดินทางมาถึงบริเวณลานสอบขับรถลานสอบขับรถนี้ฉันเคยมาฝึกแล้ว ลานสอบนี้มีลักษณะการสอนบ้านเรา คือ  มีหลักและกรวยตั้งเรียงรายเพื่อกำหนดให้ผู้สอบขับตาม  มีสอบถอยเข้าซอง  สอบจอดตามแนวถนน  เมื่อมาถึง ฉันมองเห็นผู้หญิงหนึ่งคนวัยกลางคน และผู้ชายอีกหนึ่งคน ยังดูหนุ่มมาก อายุน่า จะน้อยกว่าฉันเป็นสิบปีได้  ทั้งสองรีบเดินปรี่เข้ามาหาก็เพราะทั้งลานจอดรถมีเรา 4 คนเท่านั้น ฉันก็รีบเดินเข้าไปทักทาย จึงได้รู้ว่าทั้งสองคือ เจ้าหน้าที่สอบใบขับขี่

จากนั้นฉันก็เริ่มสอบทันที โดยรถที่ใช้สอบก็คือรถคันที่ฉันใช้ฝึกเมื่อสัปดาห์ก่อนนั้นเอง การสอบขับในลานนี้ ฉันขับคนเดียวโดยขับเหมือนที่เรียนมาทุกอย่าง แต่ที่ยากสุด คือ การถอยเข้าซองโดยการจอดเทียบให้ตรงช่องที่จะจอดด้านหน้าก่อน  แล้วจึงค่อย ๆ ถอยเข้าช่อง  เล็ก ๆ โดยมีเสาพลาสติกขาวแดงตั้งเรียงไว้ทุกจุด  หากขับชนเสาใดเสาหนึ่ง คือ คุณสอบ  ไม่ผ่าน ต้องระมัดระวังมากด้วยรถขนาดใหญ่ที่ฉันเลือกใช้สอบด้วย เมื่อจบขั้นตอนการสอบในลานสอบเรียบร้อยแล้ว ลำดับต่อไปคือการสอบปากเปล่า ถามตอบเกี่ยวกับข้อมูลที่สำคัญในรถ  การสอบปากเปล่านี้เราพูดคุยกันเป็นภาษาเยอรมันตามภาษาราชการของออสเตรีย ใช้ภาษาที่สามแบบนี้ก็ยิ่งทำให้ฉันตื่นเต้นขึ้นไปอีก เท่าที่จำได้ เจ้าหน้าที่ผู้หญิงได้ถามฉันเกี่ยวกับข้อมูลรถ 4 คำถาม  เป็นคำถามเกี่ยวกับป้ายวงกลม  ยางรถช่วงหน้าหนาวหน้าร้อน อุปกรณ์ฉุกเฉินในรถฉันก็ตอบตามความเข้าใจ  ตั้งใจฟังคำถามและตอบให้ตรงจุดสั้น ๆ  ไม่ถึงสามนาทีก็เรียบร้อยกับการสอบปากเปล่า  จากนั้นเป็นการสอบทักษะการขับรถบนท้องถนน

การสอบทักษะการขับรถ  เจ้าหน้าที่ทั้งสองท่านนั่งรถไปกับเราด้วย เจ้าหน้าที่ผู้ชายนั่งที่นั่งฝั่งขวา เจ้าหน้าที่ผู้หญิงนั่งตรงฝั่งขวาในห้องผู้โดยสาร  เมื่อได้รับสัญญาณจากเจ้าหน้าที่ คุมสอบให้เริ่มออกรถ แล้วฉันก็เริ่มขับออกจากลานสอบ โดยต้องรอฟังเจ้าหน้าที่ผู้ชายตลอดว่า เขาจะให้เราขับไปไหนจะให้เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา ตรงไป เข้าซอยนี้ ออกซอยนั้นก็แล้วแต่เจ้าหน้าที่  ระหว่างที่เราขับรถอยู่นั้นเจ้าหน้าที่ทั้งสองจะดูปฏิกิริยา พฤติกรรมทุกอย่างของเรา เช่น เปิดไฟเลี้ยวช้าเกินไปไหม ชะลอได้ความเร็วตามที่กฎหมายหรือไม่ ก่อนถึงวงเวียนในระยะสามสิบเมตรความเร็วต้องไม่เกิน 30 เท่านั้น  หยุดในจุดที่ต้องหยุดหรือไม่  การหยุดตามกฎหมายจราจร ไม่ใช่แค่ชะลอความเร็ว แต่รถต้องหยุดจอดสนิทก่อน แล้วจึงขับต่อไปได้ มองกระจกทุกครั้งหรือไม่ เป็นต้น

ทางม้อีกประเด็นหนึ่งที่ทางเจ้าหน้าที่คุมสอบให้ความสำคัญคือ การหันมองซ้ายขวาให้แน่ใจ ก่อนขับผ่านเส้นทางสำคัญ ๆ หรือยัง เช่น การขับผ่านเส้นทางที่มีรถไฟ วิ่งผ่าน  แม้จะไม่มีสัญญาณเตือนให้ระวัง ไม้กั้นทั้งสองฝั่งก็ไม่ได้ทำงาน  ซึ่งนั่นหมายความว่าไม่มีรถไฟมาแน่นอน  แต่ตามกฎจราจร คุณต้องหยุดและมองซ้ายขวา  ให้แน่ใจว่าไม่มีรถไฟมาจริง ๆ แล้วจึงขับต่อไป

ทางม้าลายก็เช่นกัน  คุณต้องชะลอให้ช้าที่สุด แม้คุณมองจากสายตา ของคุณสามสิบสี่สิบเมตรแล้วว่า ไม่มีคนข้ามถนนตอนนี้แน่นอน  แต่คุณก็ต้องมองซ้ายมองขวา หัวคุณต้องหันซ้ายขวาอย่างชัดเจน  เพื่อให้เจ้าหน้าที่คุมสอบที่นั่งข้างหลังคุณได้มองเห็นว่า  คุณได้มองซ้ายมองขวาแล้วนะ ที่เล่ามาเป็นเพียงกฎจราจรเบื้องต้น

การทดสอบในวันนั้น ฉันทั้งเกร็ง ประหม่า  แต่ก็ต้องพยายามลดความรู้สึกเหล่านั้นออกไปให้ได้ ไม่อย่างนั้น คงสอบไม่ผ่าน เราขับรถแทบจะรอบเมืองก็ว่าได้  ขับเป็นวงกลมเข้าเส้นนั้นออกเส้นนี้เข้าวงเวียน  ผู้สอบใบขับขี่ จะต้องได้รับการทดสอบทุกจุดที่สำคัญบนท้องถนน เพื่อให้เจ้าหน้าที่คุมสอบประเมินได้ตามแบบประเมินการสอบ (ซึ่งเข้มข้นมาก)  หากคุณไม่ทำโอกาสที่คุณจะผ่านก็น้อย  ฉันเกือบสอบไม่ผ่าน เจ้าหน้าที่คุมสอบผู้หญิงบอกกับฉันว่า  “คุณไม่ค่อยมองซ้ายขวา”  ถึงแม้ว่าฉันจะมองซ้ายขวา หรือวิสัยทัศน์จากห้องโดยสารด้านหลังอาจจะมองไม่ค่อยเห็น ทำให้ผู้คุมสอบผู้หญิงมองไม่เห็นว่าฉันได้หันซ้ายหันขวาก่อนข้ามแยก หรือหยุดมองดูรถไฟแล้ว  หรืออาจจะด้วยผมของฉันที่ค่อนข้างฟู หัวฉันอาจจะใหญ่ก็เป็นได้  ก็ได้แต่ยอมรับและแจ้งกลับว่าจะปรับปรุงให้ดีขึ้น

เราใช้เวลาสอบขับรถประมาณ 2 ชั่วโมง  และแล้วเจ้าหน้าที่ทั้งสองก็คุยกันคุยกันใน  รถทั้งที่ฉันอยู่ด้วย  เนื้อหาที่คุยกันก็ประมาณ จะผ่านดีไหม มีจุดไหนบกพร่องจนเรา  ไม่สามารถ ให้ผ่านได้หรือเปล่า ในตอนนั้นฉันฟังไม่เข้าใจว่าทั้งสองคุยกันอะไร แต่  เนื้อความน่าจะประมาณนี้  สุดท้ายเจ้าหน้าที่ผู้หญิงเซ็นเอกสารให้ฉัน และแจ้งว่าฉันสอบผ่าน!!! ฉันดีใจมาก ยิ้มปากบานแก้มแตก และแจ้งกับฉันอีกด้วยว่า ทางกรมขนส่งจะออกเอกสารใบขับขี่ชั่วคราวใบนี้ให้ก่อน  คุณสามารถใช้ได้เหมือนขับขี่จริง จากนั้น   ใบขับขี่ของฉันคุณจะถูกส่งไปที่บ้านทางไปรษณีย์ภายในระยะเวลาไม่เกิน 14 วัน

เฮ้อ!  โล่งอกไปเปราะใหญ่

เวลาผ่านไปประมาณ 1 สัปดาห์ ฉันก็ได้รับจดหมายหนึ่งฉบับ  และข้างในก็คือใบขับขี่ สามารขับได้รอบยุโรปเลยทีเดียว พอดูรายละเอียดก็เห็นว่าระยะเวลาที่ได้ยาวนานถึง 15 ปีเลยทีเดียว เป็นอันจบสิ้นครบสิบห้าปีแล้วค่อยมาว่ากันใหม่

ฉันไม่รู้สึกกังวลในการขับรถที่ออสเตรีย อย่างที่ฉันเคยกล่าวไปในตอนต้นว่าพวกเขามีวินัยในการจราจรสูงมาก   เมื่อคุณเจอป้ายให้ทาง คือ จะต้องให้ทางรถที่มาจากเส้นหลักก่อนเสมอ  แม้จะต้องรอนานแค่ไหนก็ตาม  ไม่ใช่ระบบมองตากันผ่านกระจกรถเหมือนบ้านเรา ในบางครั้งเราใช้ระบบมองตากันแม้จะอยู่ในเส้นทางโทที่จะต้องให้รถที่มาจากทางเอกไปก่อน แต่หลายครั้งที่เคยเจอ รถจากทางโทไม่รอก็มี บางครั้งเขาอาจจะคิดว่า “ฉันรอนานแล้ว ต่อจากรถคันนี้ ฉันขอพุ่งไปเลยแล้วกัน”  โอกาสเกิดเหตุการณ์แบบนี้ในออสเตรียไม่มีเลย ดังนั้น นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมฉันจึงไม่กังกลในการขับขี่รถ

อีกเหตุผลหนึ่ง คือ ป้ายจราจรสัญลักษณ์ต่าง ๆ ตามถนนหนทางคุณจะไม่มีทางได้เห็นป้ายชำรุด ป้ายล้ม ป้ายหลุด  สีเพี้ยน  ทางม้าลายสีขาวซีด ไม่มีในออสเตรียแน่นอน (ตั้งแต่ฉันอยู่มายัง  ไม่เคย เจอ  ยกเว้นอุบัติเหตุฉุกเฉินทำป้ายต่าง ๆ เสียหาย แต่ก็ได้รับการแก้ไขทันทีทันใด) โดยทุกปีจะมีเจ้าหน้าที่กรมทางหลวง  ขับรถไป ตามถนนเส้นต่าง ๆ  เพื่อลงสีใหม่ให้มองเห็นได้ชัดเจน เป็นแบบนี้ทุกปี

 

ภาพจาก www.pexels.com เนื้อหาโดย แอดมินวานด้า

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *