
เรื่องเล่าจากห้องเรียนภาษา
วันแรกของการเรียน ฉันตื่นนอนเตรียมตัวแต่เช้า เพื่อจะได้เผื่อเวลาในการเดินทางเพราะต้องขับรถขึ้นทางด่วนจาก Seewalchen (เซวาลเชิ่น) มุ่งหน้าไป Gmunden (กะมุนเดิ้น) ฝนตกตลอดทาง วิสัยทัศน์ในการขับขี่ก็ลดลงบวกกับความกดดัน ความตื่นต้นที่ต้องขับทางไกล 20 กม. ด้วยพวงมาลัยซ้ายคนเดียวครั้งแรกคนเดียว ฉันจึงใช้สมาธิอย่างมากในวันนั้น แต่ก็ถึงที่หมายโดยปลอดภัย
เมื่อถึงสถาบันสอนภาษา ลำดับต่อไปคือการหาห้องเรียน ฉันเดินตรงไปยังห้องโถงโล่ง ๆ ในใจคิดว่ามันต้องที่ให้นักเรียนได้ดูห้องเรียนแน่ ๆ สถาบันภาษาแห่งนี้เป็นนึกขนาดกลาง เป็นอาคารสามชั้น คนเยอะมากเดินขึ้นลง บันได รอลิฟท์ เข้าห้องนั้น ออกห้องนี้ และฉันก็มาหยุดทีหน้าจอ LCD ขนาดประมาณ 40” ที่ทางสถาบันมีไว้เพื่อแจ้งชื่อหลักสูตรที่เรียน และหมายเลขห้องเรียน จากนันก็กวาดสายตามองหาชื่อหลักสูตร “Deutsch Kurse A1” เมื่อรู้หมายเลขห้องแล้วฉันก็ไม่รีรีบเดินตามหาห้องเรียนเลย
เมื่อมาถึงหน้าห้อง ฉันก็ไม่รีรอ เคาะประตูและเปิดประตูเปิดโพล่งเข้าไปเลยทำให้สายตาหลายคู่หันมามองที่ฉัน แล้วก็มีบางคนพูดขึ้นมาว่า “ม้อเก้น” ฉันก็ตอบกลับไปว่า “ม้อเก้น” เช่นเดียวกัน เพราะได้เรียนรู้ระหว่างมาทุกคนที่พบฉันเขา จะพูดคำนี้แทบทุกคน และฉันก็สังเกตว่า เขาก็ตอบกลับด้วยคำนี้เช่นกัน จึงมาทราบทีหลังว่าคำว่า “Guten Morgen” (กู๊ทเทิ่น ม้อเก้น) แปลว่าสวัสดีตอนเช้า สามารถพูดย่อได้ว่า “Morgen” เป็นการทักทายของชาวออสเตรีย ทุกครั้งหากคุณพบเจอใครในตอนเช้าแม้ว่าจะเป็นคนแปลกหน้าก็ตาม เขาจะทักทายกันด้วยคำว่าสวัสดีเสมอ หากช่วงเวลาเปลี่ยนเป็นตอนบ่าย ตอนเย็น ก็จะมีคำทักทายกันแตกต่างกันออกไปแต่เขาก็มีคำทักทายทั่วไปที่ไม่ต้องระบุช่วงเวลาเช่นกัน คุณสามารถพูดได้ว่า “Hallo” (ฮาโล) หรือ “Grüß gott” (กรูส ก๊อทท์) ก็ได้เช่นกัน สองคำนี้สามารถพูดได้ตลอดทุกช่วงเวลาแบบไม่เป็นทางการ
ห้องเรียน Deutsch A1 ของฉันกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว สมาชิกในห้องทั้งหมด 8 คน ห้องถูกจัดเป็นตัวยู ทุกสามารถมองเห็นกันได้อย่างชัดเจนและเพื่อความสะดวกในการสื่อสารในห้องด้วย เมื่อรอบไปรอบห้องก็สังเกตเห็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนและก็คาดเดาคิดในใจไปว่าพวกเขาน่าจะเป็นสะใภ้ออสเตรียและเขยออสเตรียแน่ ๆ ที่สามีและภรรยาต่างส่งเข้ามาเรียน ภายหลังได้ทำความรู้จักจึงรู้ว่าส่วนใหญ่เป็นสะใภ้และเขยออสเตรีย อีกหลายคนเรียนภาษาเพื่อทำงานโดยเฉพาะ เพื่อนในห้องเรียนมาจากหลากหลายประเทศ ฉันจากเมืองไทย ที่เหลือมาจากฟิลิปปินส์ ศรีลังกา เม็กซิโก กรีก เซอร์เบีย ฮังการี สาธารณรัฐเชค แต่เราชาวเอเชียก็บังเอิญนั่งใกล้กัน ทำให้ห้องเรียนแบ่งออกเป็นสองฝั่ง ฝั่งซ้ายทวีปเอเชียส่งเข้าประกวด ฝั่งขวาทวีปยุโรปส่งเข้าประกวด ถูกคั่นกลางด้วยสาวละตินอเมริกา (เม็กซิโก) หากฉันเป็นครูผู้สอน มองไปที่นักเรียนคงนึกขำในใจบ้างแหละ ฝั่งซ้ายมือเป็นคนเอเชียฝั่ง ฝั่งขวาเป็นชาวฝรั่งตะวันตก
ครูของเราเป็นผู้หญิงวัยกลางคน วันแรกที่เรียนครูก็พูดกับพวกเราอย่างกับเราพูดเยอรมันคล่องปรื๋อ ครูใส่ภาษาเยอรมันกับพวกเราไม่ยั้ง แต่พูดช้าเพื่อให้เข้าง่ายขึ้น มีการพูดผสมผสานกับภาษาอังกฤษบ้าง แต่ครูจะไม่อยากพูดภาษาอังกฤษเพราะต้องการให้นักเรียนฝึกภาษาเยอรมัน แต่สำหรับคอร์สแรกของการเรียนก็มีบ้างที่ใช้ภาษาอังกฤษในการแปลความในสิ่งที่ค่อนข้างทำความเข้าใจยาก ชาวออสเตรียส่วนใหญ่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีมาก พนักงานห้างร้านค้า ร้านอาหารต่าง ๆ ก็เช่นกัน
ภาษาเยอรมันมีความคล้ายกับภาษาอังกฤษ ตัวอักษรแทบทั้งหมดคือตัวเดียวจะมีแตกต่างบ้างบางตัว แต่การออกเสียงนั้นแตกต่างกัน เช่น ตัวอักษร A ภาษาอังกฤษเราออกเสียงว่า “เอ” แต่ภาษาเยอรมันออกเสียงว่า “อา” ตัวอักษร K ภาษาอังกฤษเราออกเสียงว่า “เค” แต่ภาษาเยอรมันออกเสียงว่า “คา” แม้จะตัวอักษรคล้ายกันแต่การออกเสียงนั้นไม่เหมือนกัน หากใครพอมีพื้นฐานภาษาอังกฤษมาจะช่วยให้เรียนได้เร็วขึ้น การเรียนเป็นไปด้วยความสนุกสนาน ฉันรู้สึกสนุกที่ได้เรียนรู้ภาษาใหม่ เป็นภาษาที่ 3 ของฉัน ครูค่อนข้างเข้มงวดและสอนเร็วด้วยต้องตามให้ทัน มีการบ้านทุกวัน การเรียนในห้องนั้นในทุก ๆ วัน ทุกคนจะต้องพูด มีเกมส์ประกอบการเรียนการสอนตลอด ทำให้เราเรียนกันไม่เบื่อ แน่นอนว่าในห้องมีทั้งคนที่เรียนได้เร็วและเรียนช้ากว่าเพื่อน แต่ทุกคนก็ช่วยกันและช่วยเพื่อนคนที่อ่อนให้เขาเรียนได้ทัน
จากการเรียนในคอร์สนี้ฉันได้เพื่อนสนิทคนใหม่ 1 คน หล่อนจึงเพื่อนคนแรกของฉันในออสเตรียเลย เป็นชาวเม็กซิโก ไม่ต้องพูดถึงความสวยของสาวชาวเม็กซิก หล่อนสวยน่ารัก บุคลิกมีทั้งบู๊ และสวยหวานหลากหลายสไตล์ ฉันคิดว่าเรามีนิสัยหลายอย่างคล้าย ๆ กัน อย่างหนึ่งที่เหมือนกัน คือ ความเปิ่น เรามักจะมีเรื่องให้ หัวเราะด้วยกันเสมอ ๆ ทั้ง ๆ ที่พูดคุยกันไม่ค่อยจะรู้เรื่อง แต่เราก็มีเรื่องตลกทุกวัน หัวเราะด้วยกันบ่อยครั้ง เราพูดคุยกันด้วยภาษาเยอรมัน พูดคุยกันทั้ง ๆ ที่เพิ่งเริ่มเรียนเป็นการฝึกไปในตัว เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง ยุคสมัยนี้สะดวกมากถ้าไม่รู้คำศัพท์ไหนเปิดกูเกิ้ลได้ทันที เพราะหล่อนไม่พูดภาษาอังกฤษ (ฉันก็แอบสงสัยว่า.. แล้วก่อนหน้านี้เธอคุยภาษาอะไรกับแฟนของเธอแต่ ณ ตอนนั้นยังไม่ได้ถามหล่อนไป)
หลังจากเริ่มพูดภาษาเยอรมันคล่องมากขึ้น ฉันกับเพื่อนสาวชาวเม็กซิโก เราจึงได้มีโอกาสได้ไปมาหาสู่กันบ่อย ๆ ฉันไปเที่ยวที่บ้านเขาบ่อยมาก จึงได้มารู้ภายหลังว่าเพื่อนสาวเม็กซิโกของฉัน ก่อนหน้านี้เขาพูดภาษาสเปนกับสามีของหล่อนสามีของหล่อนเข้าคอร์สเรียนภาษาสเปนเพื่อจะได้พูดคุยสื่อสารกับหล่อน ฟังแล้วก็อบอุ่นซึ้งใจที่ผู้ชายลงทุนลงแรงเข้าคอร์สเรียนภาษาสเปนเพื่อจะได้พูดคุยกับคนรัก (ภาษาสเปนเป็นภาษาราชการของประเทศเม็กซิโก) แต่นี่ก็เป็นข้อดีที่ทำให้ฉันได้ฝึกพูดภาษาเยอรมันเพราะหากหล่อนพูดภาษาอังกฤษล่ะก็ฉันคงชวนหล่อนคุยภาษาอังกฤษตลอด ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องที่ควรทำหากคุณต้องออสเตรียและต้องการทำงานภาษามีความสำคัญอย่างยิ่ง และอาจจะทำให้สอบไม่ผ่านเกณฑ์ก็ได้หากมัวแต่พูดภาษาอังกฤษกันอยู่ เราเรียนต่อเนื่องด้วยกันจบหลักสูตรแรก (A1.1) รวมเวลา 4 สัปดาห์ จากนั้นเราก็เรียนต่อเพื่อให้จบหลักสูตร Deutsch A1 โดยการเรียนต่อ หลักสูตร A1.2 อีก 4 สัปดาห์ รวมระยะเวลาของหลักสูตร Deutsch A1 ทั้งสิ้น 8 สัปดาห์
ในระหว่างการต่อคอร์ส A1.1 ไปต่อ A1.2 มีเพื่อนใหม่เข้ามาในห้องเพิ่ม 2 คน หนึ่งในนั้นเป็นคนไทย การเจอคนไทยในต่างแดนความรู้สึกเหมือนพบเจอญาติพี่น้อง น้องคนไทยติดตามครอบครัวมาเรียนและทำงานที่นี่โดยมีคุณแม่เป็นเจ้าของร้านอาหารไทย และเพื่อนอีก 1 คนมาจากโบลิเวีย เขาพูดภาษาสเปนจึงได้สนิทกับเพื่อนชาวเม็กซิโกโดยอัตโนมัติเนื่องจากสื่อสารภาษาเดียวกัน ทำให้ฉันมีเพื่อนใหม่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
สำหรับเพื่อนชาวเม็กซิโกและโบลิเวียนั้น แม้ไม่ได้พบเจอกันหรือคุยกันบ่อยครั้งมากนัก แต่ความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนก็ยังมีให้กัน เราพบกันทุก ๆ กิจกรรมหรือเทศกาลสำคัญเสมอ
ภาพจาก www.pexels.com เนื้อหาโดย แอดมินวานด้า