Browsed by
Category: สัพเพเหระ

Blueberry ผลไม้สีม่วงสุดยอดอาหารบำรุงสายตา

Blueberry ผลไม้สีม่วงสุดยอดอาหารบำรุงสายตา

เมื่อเราจะพูดถึงผลไม้แล้วนั้น มันก็คืออาหารที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ซึ่งเราสามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาดหรือตามห้างต่าง ๆ ได้ ซึ่งคุณสมบัติที่สำคัญอย่างมากที่ทำให้ผลไม้มีความนิยมอย่างมาก นั่นก็คือ วิตามินที่อยู่ภายในผลไม้นั่นเอง โดยวิตามินนั้นถือว่าเป็นหนึ่งในสารอาหารที่ช่วยทำให้เราได้รับการบำรุงในทุกส่วนในอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกาย และการบำรุงดังกล่าวนี้ก็ยังมีผลทำให้เราสามารถเห็นได้จากภายนอก ตั้งแต่สายตาทีดีขึ้น ผิวพรรณที่สดใส ไปจนถึงร่างกายที่แข็งแรงนั่นเอง และนั่นจึงทำให้ผลไม้ได้กลายเป็นที่นิยมสำหรับผู้คนที่ต้องการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ หรือจะเป็นคนรักสุขภาพและรับประทานอาหารคลีนเป็นประจำอยู่แล้วนั่นเอง โดลผลไม้ที่มอบประโยชน์เหล่านี้ได้อย่างมหาศาลนั้น ก็มีอยู่มากมายหลายชนิด หนึ่งในนั้นก็คือ Blueberry Blueberry เป็นผลไม้สีม่วงที่อยู่ในผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ซึ่งสำหรับ Blueberry นั้น เป็นผลไม้ที่มีอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และยังถือได้ว่าเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงที่สุดอีกด้วย นอกจากนี้มันยังมีสารที่ช่วยในการฟื้นฟูเซลล์สมองได้ จึงทำให้มันสามารถพัฒนาระบบประสาทและสมองได้ดีด้วยนั่นเอง และประโยชน์อันสูงสุดที่ Blueberry สามารถมอบให้ได้ก็คือ การบำรุงสายตา นั่นเอง ในส่วนของการบำรุงสายตานั้น เกิดมาจากสารแอนโทไซยานิน ที่ช่วยในการป้องกันการอ่อนล้าจากการใช้สายตาที่มากเกินไป ช่วยทำให้สายตาสามารถทำงานในความมืดได้ดี นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการเกิดต้อกระจก ต้อหิน ต้อลม ช่วยลดความดันในลูกตา และลดความเจ็บปวดจากความบวมภายในลูกตาได้ดีอีกด้วย และสิ่งสำคัญก็คือ ได้มีการวิจัยจาก Archives of Ophthalmology ว่า การรับประการบลูเบอร์รี่วันละ 3 ถ้วย จะช่วยลดความเสี่ยงจากโรคตาในวัยผู้ใหญ่ได้ด้วย ดังนั้นแล้ว เราจะเห็นได้ว่า Blueberry เป็นผลไม้ที่สามารถสร้างประโยชน์ให้กับร่างกายของเราได้อย่างมากมาย โดยเฉพาะในการพัฒนาสายตาที่ถือว่าดีอย่างยิ่ง เพราะ Blueberry นี้จะช่วยในการบำรุงสายตาจากความอ่อนล้าในการทำงานได้ดี รวมถึงยังช่วยป้องกันการเกิดโรคร้ายกับดวงตาได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นมันจึงเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์อย่างยิ่ง   ภาพจาก www.pexels.com เนื้อหาโดยแอดมินวานด้า

แนะนำหนังสือน่าอ่านสไตล์คนญี่ปุ่น

แนะนำหนังสือน่าอ่านสไตล์คนญี่ปุ่น

การพัฒนาตนเองสามารถทำได้หลายรูปแบบ แต่สิ่งหนึ่งที่สามารถช่วยได้อย่างมากและเป็นที่นิยม ก็คือ การอ่านหนังสือ ประเภทหนังสือที่นิยมมีผู้เขียนที่มากด้วยความรู้ประสบการณ์ได้รวบรวมไว้ให้เรา นั่นคือ  หนังสือด้านการพัฒนาตัวเอง  เป็นหนังสือที่มีเนื้อหาในการพัฒนาความคิดและทักษะของเราให้สามารถพัฒนาตัวเองได้อย่างดี นอกจากนี้จะสามารถเพิ่มพูนทักษะของเราแล้วนั้น ก็ยังสามารถเพิ่มพูนความรู้ที่มากขึ้น นั่นจึงทำให้หนังสือเหล่านี้ถูกจัดอยู่ในหมวดจิตวิทยา ซึ่งความสำคัญของหนังสือพัฒนาตัวเองนั้น เป็นการรวมเคล็ดลับและทฤษฎีการใช้ชีวิต ซึ่งเป็นเคล็ดลับจากไลฟ์โค้ช นักธุรกิจ หรือจะเป็นผู้ประสบความสำเร็จในด้านต่าง ๆ ที่ต้องการจะแสดงถึงเคล็ดลับและทฤษฎีต่าง ๆ ให้เป็นบทเรียนแก่ผู้คนมากมายให้เข้าใจและนำไปปรับใช้ เพื่อที่จะทำให้ผู้ที่อ่านสามารถนำไปปรับใช้กับการกระทำ ใด ๆ ก็ตาม และประสบความสำเร็จได้ โดยหนังสือพัฒนาตัวเองนั้น ก็เรียกได้ว่ามีอยู่หลากหลายเล่มกันเลยนั่นเอง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะมีทุกเล่มที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เพราะฉะนั้น หนังสือพัฒนาตัวเองที่น่าอ่านจึงเป็นหนังสือที่เราควรจะทำความรู้จักเป็นอย่างยิ่งนั่นเอง โดยเฉพาะเมื่อเรากำลังจะเข้าสู่ปี 2022 ซึ่งถือว่าเป็น ปีใหม่สำหรับเราทุก ๆ คน จึงถือเป็นอีกโอกาสสำหรับการเริ่มต้นใหม่ที่ดีของเรา โดยมีหนังสือพัฒนาตัวเองเป็นสิ่งที่ช่วยทำให้เราพัฒนาตัวเอง สำหรับหนังสือพัฒนาตัวเองที่เราควรจะรู้จักและควรอ่านกันพื่อต้อนรับปีใหม่นี้ เราจะเห็นได้จากหลาย ๆ เล่ม เช่น “อย่าเป็นคนเก่งที่คุยไม่เป็น” ของทาดาชิ ยาซุดะ ที่พูดถึงทักษะการคุยเล่นของคนชั้นแนวหน้าในวงการ ที่จะช่วยพัฒนาให้ตัวเขาสามารถก้าวหน้าไปจนถึงจุดสูงสุดของอาชีพนั่นเอง หรือจะเป็น “เพราะขี้เกียจวุ่นวาย ชีวิตเลยสบายแบบนี้” ของนะโอะยุกิ ฮุนดะ ซึ่งเป็นการสรุปแนวคิด 55 ข้อของความขี้เกียจ ที่จะทำให้เราได้มองว่าความขี้เกียจนี้เองคือตัวจุดประกายความสร้างสรรค์ในชีวิตนั่นเอง และสุดท้ายก็คือ “กฎ 4 ข้อของการตัดสินใจอย่างชาญฉลาด” ของคามาริ มาเอดะ ซึ่งตัวนักเขียนนี้คือ ผู้ที่มีทักษะการตัดสินใจ และนำเสนอเป็นอันดับหนึ่งของบริษัทซอฟท์แบงค์เลยทีเดียว นั่นจึงทำให้หนังสือเล่มนี้คือคู่มือที่ช่วยพัฒนาวิธีแก้ไขปัญหา รวมไปถึงความสามารถที่ดีด้วย ดังนั้นแล้ว เราจะเห็นได้ว่าหนังสือพัฒนาตัวเองเหล่านี้จะช่วยทำให้เราสามารถพัฒนาตัวเราได้ทั้งความคิดและทักษะของเราได้อย่างดี   ภาพจาก www.pexels.com เนื้อหาโดยแอดมินวานด้า

ภาษาดีได้เปรียบ หากจะให้เหนือไปอีกต้องภาษาที่ 3

ภาษาดีได้เปรียบ หากจะให้เหนือไปอีกต้องภาษาที่ 3

โลกยุคปัจจุบันที่การสื่อสารต่างภาษานั้นเป็นสิ่งที่เรามักจะพูดถึงเป็นอย่างมาก โดยในยุคอดีตส่วนใหญ่จะใช้แค่ในส่วนภาษาในฝั่งตะวันตกเป็นหลัก โดยเฉพาะภาษาอังกฤษที่ถือได้ว่าเป็นภาษาหลักและภาษาราชการของทั่วโลกไปโดยปริยาย โดยมีสาเหตุมาจากอาณานิคมที่เดินทางไปจะมีอังกฤษที่เดินทางเข้ามาด้วย รวมไปถึงภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ทางสหรัฐอเมริกาซึ่งถือว่าเป็นมหาอำนาจใหม่ของโลก ในขณะนั้นได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักก็ยิ่งทำให้ภาษาอังกฤษได้กลายเป็นภาษาที่แพร่หลายไปในทั่วโลกเลยทีเดียว และนั่นจึงทำให้เวลาที่เราเดินทางไปยังพื้นที่แห่งใดบนโลก ภาษาอังกฤษจะกลายเป็นภาษากลางที่เราจะเอาไว้พูดเพื่อสื่อสารกันและกันได้อย่างเข้าใจ ซึ่งมันก็ดูจะเป็นแบบนั้นมาอย่างนั้น แต่ถึงกระนั้น นอกจากภาษาอังกฤษที่เป็นเหมือนภาษาที่สองของเราแล้วนั้น ก็ยังมีอีกกระแสหนึ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับภาษา นั่นก็คือ ภาษาที่ 3 ด้วยยุคสมัยได้เปลี่ยนไป การติดต่อสื่อสาร การทำธุรกิจ กิจการต่าง ๆ นั้นสามารถทำได้ง่ายขึ้นเพียงผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตเท่านั้น นอกจากภาษาอังกฤษที่เป็นภาษากลางสำหรับใช้สื่อสารกับคนส่วนมากบนโลกในบนี้แล้ว จะเป็นการดียิ่งขึ้น หากเราสามารถสื่อสารในภาษาที่ 3 แน่นอนว่า เป็นการเพิ่มโอกาสในการทำงาน ในการดำเนินธุรกิจต่าง ๆ  ได้เหนือกว่าคนอื่นแน่นอน สำหรับภาษาที่ 3 นั้น มันก็คือภาษาที่เราสามารถพูดได้นอกเหนือจากภาษาราชการของเราเองกับภาษาอังกฤษ ซึ่งการเกิดภาษาที่ 3 ในชีวิตประจำวันนั้น ก็เกิดจากสาเหตุมากมายตั้งแต่การมีอิทธิพลทางธุรกิจของประเทศอื่น ๆ หรือจะเป็นความต้องการของเราที่ต้องการจะพูดภาษานั้น ๆ ได้ อย่างการมีอิทธิพลทางธุรกิจนั้น ส่วนใหญ่เราจะเห็นได้จากประเทศจีน ซึ่งถือว่าเป็นประเทศที่เริ่มมีอิทธิพลอย่างมากในช่วงหลัง ๆ มานี้ บวกกับเจ้าสัวไทยเชื้อสายจีนหลายคนก็เริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับทางนั้นอย่างมากมาย จึงทำให้การฝึกภาษาจีนจึงเป็นไปอย่างมากมาย ในความต้องการของตัวเราเองนั้น ก็อาจจะมีสาเหตุที่มาจากความสนใจในประเทศนั้น ๆ เช่น การฝึกพูดภาษาญี่ปุ่น ที่มีผลมาจากความสนใจในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเพราะวัฒนธรรมหรือสิ่งใดก็ตาม ล้วนแล้วแต่ทำให้การฝึกภาษาญี่ปุ่นให้เป็นภาษาที่ 3 ได้เกิดขึ้นแล้ว โดยแนวทางที่จะช่วยในการฝึกฝนนั้น ก็ต้องเริ่มจากมีใจรักในการฝึกภาษานั้น ๆ ก่อน หลังจากนั้นจึงต้องค่อย ๆ ทำความเข้าใจในความหมายของคำ ลักษณะประโยค การฝึกพูด และวิธีการเขียน และสิ่งที่จะช่วยทำให้เราสามารถได้ภาษานี้ได้เร็วยิ่งขึ้น คือการฝึกหัดกับบุคคลที่มีทักษะเกี่ยวกับภาษานั้น ๆ หรือจะเป็นคนจากประเทศนั้น ๆ เลย การฝึกพูดภาษาที่ 3 จึงกลายเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากในยุคปัจจุบัน…

Read More Read More

ประสบความสำเร็จได้ตามสไตล์ชาว Introvert

ประสบความสำเร็จได้ตามสไตล์ชาว Introvert

สำหรับกลุ่ม Introvert นั้น เราคงจะรู้จักกันว่า เป็นพวกเก็บตัว ไม่ค่อยพูดจากับใคร และในบางครั้งก็ดูจะเป็นคนขี้อายอีกด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ถือว่าแตกต่างจากกลุ่ม Extrovert ที่จะเป็นกลุ่มที่มักจะชอบเข้าสังคม ชอบพบปะผู้คน จนดูจะมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีที่ดีเอามาก ๆ นั่นเอง แต่แท้จริงแล้ว กลุ่ม Introvert สามารถพบปะกับผู้คน และเข้าสังคมได้ เพียงแต่พวกเขาอาจจะต้องพื้นที่ส่วนตัวมากกว่าก็เท่านั้นเอง ซึ่งถึงแม้ว่าพวกเขาอาจจะไม่ได้พูดเก่งเหมือนกับกลุ่ม Extrovert แต่ก็สามารถพูดคุยและสร้างเสียงหัวเราะได้ไม่แพ้กันเลย แต่ถึงกระนั้น สังคมก็มักจะให้ความสำคัญกับกลุ่ม Extrovert มากกว่า เพราะด้วยลักษณะของ Extrovert นั้นมีลักษณะที่แสดงออกถึงความเป็นมิตร ชื่นชอบที่จะเป็นจุดสนใจ จึงทำให้มีผู้คนมากมายอยากที่จะเข้ามาอยู่ใกล้นั่นเอง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า กลุ่ม Introvert จะไม่สามารถผูกสัมพันธ์จนไม่สามารถประกอบธุรกิจหรือกระทำการใด ๆ ที่ต้องผูกสัมพันธ์กับผู้คนมากมายได้เลยนั่นเอง เพราะกลุ่ม Introvert เองนี่แหละ ที่สามารถทำประสบความสำเร็จได้อย่างมากมายไม่แพ้กับกลุ่ม Extrovert เลยทีเดียว สำหรับการประสบความสำเร็จในฉบับ Introvert นั้น เราจะเห็นได้ชัดเจนที่ส่งในวงการธุรกิจ นั่นก็คือ ผู้ประกอบธุรกิจที่เป็น Introvert นั้นมักจะสามารถวางตัวได้ดีในสังคมทั่วไป ซึ่งจะส่งผลทำให้ผู้คนมองว่าเป็นผู้มีระเบียบ น่าเกรงขาม จนต้องรู้สึกเกรงใจกันเลยทีเดียว ซึ่งนั่นจึงทำให้มีผู้คนมากมายรู้สึกเคารพได้ง่าย เพราะฉะนั้น จึงทำให้ผู้บริหารเหล่านี้มักจะต้องนัดเวลาล่วงหน้าก่อนที่จะพบเจอกันนั่นเอง และสำหรับวิธีผูกสัมพันธ์ของกลุ่มนักธุรกิจ Introvert นี้นั้นก็คือ พวกเขามักจะเป็นผู้ฟังได้ดี และมักจะใส่ใจในรายละเอียดกับผู้ฟังอย่างมาก นั่นจึงทำให้กลุ่ม Introvert มักจะมีมารยาท และไม่พูดขัดจังหวะเลยนั่นเอง นั่นจึงทำให้กลุ่ม Introvert มักจะได้รับความน่าเชื่อถืออย่างมากจากผู้ฟัง โดยเฉพาะแค่เป็นผู้ฟังก็ทำให้ผู้คนมากมายเคารพนับถือได้แล้ว ดังนั้นแล้ว เราคงจะเห็นว่ากลุ่ม Introvert นั้นเป็นกลุ่มที่สามารถสร้างความสัมพันธ์กับผู้คนได้ไม่แพ้กับกลุ่ม Extrovert เลย เพราะลักษณะของ Introvert ที่มักจะไม่ค่อยพูด…

Read More Read More

ฤดูที่แตกต่าง เสน่ห์ของเมืองหนาว

ฤดูที่แตกต่าง เสน่ห์ของเมืองหนาว

ฉันใช้ชีวิตในเมืองหนาวมาหลายปีแล้วแต่ก็ยังไม่วายที่จะตื่นเต้นทุกปีที่ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศไม่แน่ใจว่าคนพื้นที่เป็นเหมือนกันหรือไม่ แต่สำหรับคนเอเชียอย่างฉันบอกได้เลยว่าตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ  เพราะฉันรู้สึกเหมือนกับว่าสิ่งใหม่ ๆ กำลังจะเกิดขึ้นอีกแล้ว กิจกรรมกีฬาต่าง ๆ ก็จะเปลี่ยนไป  เสื้อผ้าก็ต้องปรับเปลี่ยนใหม่ เก็บเสื้อผ้าฤดูร้อนเข้าตู้ ย้ายเสื้อผ้าฤดูหนาวมาแทนที่ สลับกันไปมาแบบนี้ทุกปีต้องปรับเปลี่ยน ผันไปตามเวลาและธรรมชาติ ฤดูกาลในทวีปยุโรปมี 4 ฤดู  ขอเริ่มจากฤดูที่ฉันชอบที่สุดก่อนเลย คือ ฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้เปลี่ยนหากไม่ได้เดินทางไปไกลหลายพันกิโลคงไม่ได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสี ฤดูใบไม่ร่วง (Autumn) ในช่วงเดือน กันยายน – พฤศจิกายน ใบไม้เปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีส้ม สีเหลือง หรือสีแดง  จากนั้นก็ร่วงหล่นเต็มพื้น พื้นสีเหลืองอร่าม  เหลือไว้แต่ต้นไม้ไร้ใบไม้  หากเห็นแบบนี้ในเมืองไทย ต้นไม้ไร้ใบ ใบร่วงหมดทั้งต้นแบบนี้ ต้นไมต้นนี้กำลังยืนต้นตายแน่ ๆ ในเมืองหนาว เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้ส่วนใหญ่จะเริ่มเปลี่ยนสีจากสีเขียวเป็นสีเหลือง สีส้ม หรือสีแดง หรือแม้กระทั่งสีม่วงก็มี ซึ่งแล้วแต่ชนิดของต้นไม้ จากนั้นใบไม้ก็จะร่วงหล่นลงพื้นไปจนหมด เหลือไม้แก่กิ่งก้านสาขา นั่นทำไมครั้งแรกที่ฉันเห็นต้นไม้ที่มีเพียงกิ่งฉันคิดว่า ต้นนี้กำลังยืนต้นตายแน่ ๆ ต้น ใบ ของต้นไม้บางชนิด เช่น เมเปิล โอ๊ค จะเปลี่ยนสีก่อนร่วงหล่อนจนหมดต้น ทำให้มีสีสันสวยงามมาก จากนั้นใบไม้ที่เปลี่ยนเป็นสีต่าง ๆ เหล่านี้ก็จะกลายเป็นใบไม้แห้ง ร่วงลงพื้น และกลายเป็นปุ๋ยตามวัฏจักรของธรรมชาติเป็นประโยชน์ต่อระบบนิเวศต่อไป     ความมหัศจรรย์ของต้นไม้ ดอกไม้ที่นี่ คือ มีการปรับตัวจากสภาพภูมิอากาศได้เป็นอย่างดี หรืออาจจะเรียกว่า การจำศีลก็ได้  ใบจะผลิออกมาใหม่อีกครั้งในช่วงฤดูใบไม้ผลิ   ฤดูใบไม้ร่วงเป็นอีกฤดูหนึ่งที่มีเสน่ห์มาก อากศดีอุณหภูมิไม่ต่ำมาก สามารถออกนอกบ้านเดินสูดอากาศในสวนสาธารณะ ในป่า ตามสถานที่ต่าง ๆ ได้อย่างสบาย  ทั้งยังสามารถเก็บรูปสวย ๆ จากต้นไม้สีส้มได้อีกด้วย…

Read More Read More